วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

 
 ปลากระเบนราหูน้ำจืด (อังกฤษ: Giant freshwater whipray; ชื่อวิทยาศาสตร์: Himantura chaophraya) เป็นปลากระเบนน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก จัดอยู่ในวงศ์ปลากระเบนธง (Dasyatidae)
จัดเป็นปลากระเบนที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากปลากระเบนแมนตา (Manta spp.) ที่พบได้ในทะเล โดยสามารถหนักได้ถึง 600 กิโลกรัม กว้างได้ถึง 2.5-3 เมตร ซึ่งเป็นปลากระเบนชนิดที่มีหางเรียวยาวเหมือนแส้ ได้ชื่อว่า "ราหู" เนื่องจากขนาดลำตัวที่ใหญ่เหมือนราหูอมจันทร์ตามคติของคนโบราณ มีลักษณะส่วนปลายหัวแหลม ขอบด้านหน้ามนกลมคล้ายใบโพ ลักษณะตัวเกือบเป็นรูปกลม ส่วนหางยาวไม่มีริ้วหนัง มีเงี่ยงแหลมที่โคนหาง 2 ชิ้น ซึ่งในปลาขนาดใหญ่อาจยาวได้ถึง 8-10 นิ้ว เมื่อหักไปแล้วสามารถงอกขึ้นได้ กลางหลังมีเกล็ดเป็นตุ่มหยาบ ๆ ด้านบนของปีกและตัวเป็นสีเทาหรือน้ำตาลนวล หางสีคล้ำ ด้านล่างของตัวมีสีขาวนวล ที่ขอบปีกด้านล่างเป็นด่างสีดำ อาศัยในแม่น้ำสายใหญ่ ๆ จนถึงบริเวณใกล้ปากแม่น้ำ พบครั้งแรกในแม่น้ำเจ้าพระยา จึงถูกตั้งชื่อชนิด ว่า "เจ้าพระยา" และยังพบในแม่น้ำสายอื่น ๆ เช่น แม่น้ำแม่กลอง, บางปะกง, แม่น้ำโขง, บอร์เนียว, นิวกินี จนถึงออสเตรเลียตอนเหนือ
โดยปลาตัวเมียจะมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ และอาจมีน้ำหนักที่มากกว่าได้ถึง 80 เท่า เป็นปลาที่ออกลูกเป็นตัว โดยลูกปลาที่ออกมาใหม่นั้นจะมีความยาวโดยเฉลี่ยประมาณ 50 เซนติเมตร และมีปลอกหุ้มเงี่ยงหางเอาไว้ เพื่อมิให้ทำอันตรายต่อแม่ปลา ออกลูกครั้งละ 2-3 ตัว สันนิษฐานว่าที่ต้องมีขนาดตัวใหญ่เช่นนี้ พื่อมิให้ตกเป็นอาหารของนักล่าชนิดต่าง ๆ ในแม่น้ำ



 
 ปลากระเบนกิตติพงษ์ หรือ ปลากระเบนแม่กลอง ปลากระเบนน้ำจืดชนิดใหม่ของโลก มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Himantura kittipongi อยู่ในวงศ์ปลากระเบนธง (Dasyatidae) มีรูปร่างเหมือนปลากระเบนในวงศ์นี้ทั่วไป ต่างกันที่ด้านหลังจะมีสีน้ำตาลเข้มอมเหลือง รอบวงของลำตัว หาง ช่องหายใจ ช่องเหงือกและขอบด้านล่างของตัวเป็นสีคล้ำ ส่วนลำตัวมีขนาดใหญ่สุดประมาณ 60 เซนติเมตร และจำนวนของฟันซึ่งมีลักษณะเป็นซี่เล็ก ๆ บริเวณขากรรไกรล่างมีจำนวนมากถึง 14-15 แถว
ค้นพบตัวอย่างตัวแรกโดย นายกิตติพงษ์ จารุธาณินทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2545 จากนั้นในปี พ.ศ. 2547 ได้ศึกษา เก็บรวบรวมข้อมูลทางอนุกรมวิธานโดย ดร.ชวลิต วิทยานนท์ นักวิทยาศาสตร์ชาวไทยแห่งกองทุนสัตว์ป่าโลก และ ดร.ไทสัน อาร์. โรเบิร์ตส์ และได้ตั้งชื่อชนิด ตามชื่อของผู้ค้นพบ
เท่าที่ศึกษา แหล่งอาศัยของกระเบนชนิดนี้มีหลายแห่งในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ คือ ปริเวณปากแม่น้ำแม่กลองแถบจังหวัดกาญจนบุรี แม่น้ำน่าน และแม่น้ำปาหัง ประเทศมาเลเซีย โดยชาวบ้านในจังหวัดกาญจนบุรีเรียกว่า "ปลากระเบนเหลือง"





 
 ปลากระเบนบัว (อังกฤษ: Whitenose whipray, Bleeker's whipray; ชื่อวิทยาศาสตร์: Himantura uarnacoides) เป็นปลากระเบนชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ปลากระเบนธง (Dasyatidae) เป็นปลากระเบนที่อยู่ในน้ำจืดชนิดหนึ่ง รูปร่างคล้ายปลาในวงศ์ปลากระเบนธงทั่วไป แต่มีจะงอยปากที่ยื่นแหลมกว่า พื้นลำตัวสีนวล กลางหลังมีเกล็ดเป็นตุ่มหยาบ ๆ ด้านล่างสีขาว หางยาวได้กว่า 80 เซนติเมตร โคนหางมีเงี่ยงแหลมมีพิษ 1 หรือ 2 ชิ้น ที่เมื่อหักหรือหลุดไปแล้วสามารถงอกใหม่ได้ ไม่มีแผ่นหนังที่หาง ขนาดลำตัวกว้างโดยเฉลี่ย 40 เซนติเมตร น้ำหนักเมื่อโตเต็มที่หนักได้ถึง 50 กิโลกรัม หากินตามพื้นท้องน้ำโดยอาหารได้แก่ ปลาขนาดเล็ก, สัตว์หน้าดิน, และสัตว์มีเปลือก จะว่ายขึ้นมาหากินบริเวณผิวน้ำบ้างเป็นบางครั้ง
เป็นปลาที่พบน้อย โดยพบแต่เฉพาะบริเวณปากแม่น้ำในภาคใต้ และพบที่ทะเลสาบสงขลาตอนในที่เป็นส่วนของน้ำจืด แต่มีรายงานว่าเคยพบที่แม่น้ำเจ้าพระยาด้วย
ตัวมีลักษณะกลมเหมือนใบบัว จึงเป็นที่มาของชื่อ
ปลากระเบนบัว มีชื่อเรียกหนึ่งเป็นภาษาใต้ว่า "ปลากระเบนหัวเลี่ยม" แปลว่า "ปลากระเบนหัวแหลม"






 
ปลากระเบนธง หรือ ปลากระเบนชายธง (อังกฤษ: Cowtail stingray; ชื่อวิทยาศาสตร์: Pastinachus sephen) ปลากระเบนชนิดหนึ่ง ที่สามารถปรับตัวให้อยู่ในน้ำจืด, น้ำกร่อย และทะเลได้ อยู่ในวงศ์ปลากระเบนธง (Dasyatidae) มีรูปร่างเป็นทรงกึ่งสี่เหลี่ยมดู คล้ายชายธง จึงเป็นที่มาของชื่อ โดยความกว้างของลำตัวจะมีมากกว่าความยาวของลำตัวเสียอีก เมื่อมีขนาดเล็กผิวด้านบนจะเรียบ และผิวนี้จะขรุขระขึ้นตามอายุที่มากขึ้น โดยมีตุ่มแข็งเล็ก ๆ ปกคลุมบริเวณกลางลำตัวจนถึงโคนหาง ตามีขนาดเล็ก หางยาว ปลายหางมีแผ่นริ้วหนังเห็นได้ชัดเจน มีเงี่ยงพิษ 2 ชิ้นที่โคนหาง สีลำตัวด้านบนเป็นสีน้ำตาลคล้ำ มีความกว้างโดยเฉลี่ยทั่วไปประมาณ 1 เมตร พบใหญ่สุดได้ถึง 3 เมตร และยาว 1.8 เมตร น้ำหนักกว่า 250 กิโลกรัม
มีจุดเด่นคือ หางที่ยาวมาก โดยที่ความยาวของหางมีมากกว่าความยาวลำตัวถึง 2.5-3 เท่า ซึ่งเมื่อถูกจับ มักจะสะบัดหางด้วยความรุนแรงและเร็วเพื่อแทงเงี่ยงหางเพื่อป้องกันตัว
พบบริเวณชายฝั่งทะเล หรือปากแม่น้ำอย่างกว้างขวาง โดยพบตั้งแต่ทวีปแอฟริกาตะวันออก, แอฟริกาเหนือ เช่น อียิปต์ และแอฟริกาใต้ เรื่อยไปจนถึงทะเลแดง, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จนถึงภูมิภาคไมโครนีเซีย และ ออสเตรเลีย รวมถึงญี่ปุ่น โดยมีรายงานพบที่แม่น้ำคงคา ประเทศอินเดีย ที่ห่างจากทะเลถึง 2,200 กิโลเมตร แต่พฤติกรรมในทะเลจะอาศัยอยู่ได้ลึกถึง 60 เมตร
สำหรับในประเทศไทย พบที่ทะเลสาบสงขลาตอนใน ในเขตจังหวัดพัทลุง






 
ปลากระเบนขาว (อังกฤษ: White-edge freshwater whipray) เป็นชื่อปลากระเบนน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Himantura signifer อยู่ในวงศ์ปลากระเบนธง (Dasyatidae) รูปร่างเหมือนกระเบนชนิดอื่นในวงศ์เดียวกัน หางยาว โคนหางมีเงี่ยงแหลมมีพิษ 1 หรือ 2 ชิ้น ที่สามารถงอกใหม่ได้เมื่อหลุดหรือหักไป หางไม่มีริ้วหนัง พื้นลำตัวด้านบนสีเทาหรือสีน้ำตาลอ่อน กลางหลังมีเกล็ดเป็นตุ่มหยาบ ๆ มีขอบสีขาวรอบลำตัว พื้นลำตัวด้านล่างสีขาว หากินตามพื้นท้องน้ำโดยอาหารได้แก่ ปลาขนาดเล็ก, สัตว์หน้าดิน และสัตว์มีเปลือก จะว่ายขึ้นมาหากินบริเวณผิวน้ำบ้างเป็นบางครั้ง ขนาดโดยเฉลี่ย 40 เซนติเมตร พบใหญ่สุด 60 เซนติเมตร
เป็นปลากระเบนน้ำจืดชนิดที่พบชุกชุมมากที่สุดที่พบได้ในประเทศไทย พบมากแถบที่ลุ่มเจ้าพระยา เช่น แม่น้ำเจ้าพระยา, แม่น้ำแม่กลอง, แม่น้ำบางปะกง, แม่น้ำท่าจีน, บึงบอระเพ็ด และพบที่แม่น้ำตาปีในภาคใต้ด้วย ในต่างประเทศพบได้ที่มาเลเซียและอินโดนีเซีย
นิยมเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม





 
 ปลากระทิงจุด มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mastacembelus alboguttatus อยู่ในวงศ์ปลากระทิง (Mastacembelidae) มีรูปร่างทั่วไปคล้ายกับปลากระทิง (M. armatus) ซึ่งเป็นปลาที่อยู่ในสกุลเดียวกัน แต่มีสีสันและลวดลายที่แตกต่างออกไป มีจุดเป็นวงกลมสีเหลืองหรือเขียวกระจายอยู่ทั่วตัว ครีบหางแยกออกจากครีบหลังและครีบท้องคล้ายสกุลปลาหลด ช่วงท้องสีจาง มีหนามแหลมขนาดเล็กตลอดทั้งลำตัวช่วงบนไว้ป้องกันตัว
มีความยาวประมาณ 40 เซนติเมตร เป็นปลาที่หายาก พบได้น้อย ดังนั้น เมื่อขายในตลาดปลาสวยงาม จะเป็นปลาที่มีราคาสูง โดยจะพบเฉพาะแม่น้ำสาละวินในเขตชายแดนของพม่าที่ติดกับไทยเท่านั้น นอกจากนี้ยังพบในแม่น้ำสะโตงในเขตประเทศพม่าอีกด้วย โดยมีชื่อเรียกในภาษากะเหรี่ยงว่า "ป่าน"




 
 ปลากระทิง (อังกฤษ: Tire track eel) ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mastacembelus armatus อยู่ในวงศ์ปลากระทิง (Mastacembelidae) มีลำตัวเรียวยาว แบนข้างเล็กน้อย ครีบหลัง ครีบหาง และครีบก้นเชื่อมต่อกัน ด้านหลังมีก้านครีบแข็งสั้นหลายอัน ตาเล็ก ครีบอกใหญ่ หัวมีลายตั้งแต่ปลายจะงอยปากคาดมาที่ตาถึงช่องปิดเหงือก ตัวมีสีเทาอ่อนหรือน้ำตาลอมเหลือง มีลายสีคล้ำเป็นวงหรือเป็นลายเส้น มีลวดลายหลากหลายแบบ ด้านท้องสีจาง ครีบคล้ำมีจุดประสีเหลืองอ่อน มีขนาดประมาณ 30 - 50 เซนติเมตร ใหญ่สุดได้ถึง 80 เซนติเมตร
อาศัยอยู่ในแม่น้ำและแหล่งน้ำนิ่งบริเวณที่มีกิ่งไม้หรือพืชน้ำหนาแน่น พบทุกภาคของประเทศไทยตั้งแต่แม่น้ำตอนล่างถึงบริเวณต้นน้ำลำธาร บริโภคโดยปรุงสด เช่น ย่าง และต้มโคล้ง ซึ่งขึ้นชื่อมาก และทำปลาเค็ม และยังนิยมรวบรวมเพื่อเลี้ยงเป็นปลาสวยงามด้วย
โดยมีชื่อเรียกในภาษาอีสานว่า "หลาด"